แอพหาคู่ เว็บหาคู่เดทออนไลน์
เตือนภัยคนชอบปัดขวา! เดทออนไลน์ทำข้อมูลรั่วไหล
Table of Contents
Toggleบริษัทจัดหาคู่เดท คนโสดโปรไฟล์ดี Bangkok Matching ขอเตือนคนชอบหาคู่ออนไลน์ แอพหาคู่ต่างๆ! อย่าคิดว่าข้อมูลของเราไม่สำคัญ ห้ามมองข้ามความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล รูปภาพ ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ หากรั่วไหล เพราะในปัจจุบันนี้การลงทะเบียนเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ แอพหาคู่ต่าง ๆ เพื่อเป็นสมาชิก หรือแม้แต่การหาคู่ผ่านแอปหาคู่เดท และเว็บไซด์หาคู่เดทที่ได้รับความนิยมมักจะมีการขอเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ไว้ โดยขอความยินยอมแกมบังคับเพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกยินยอมถึงจะเข้าใช้บริการจากแอปหาคู่หรือเว็บไซต์หาคู่เหล่านี้ได้
ถ้าหากเจอแอปหาคู่หรือเว็บหาคู่ที่มีคุณภาพก็โล่งใจไป แต่แอปเดทและเว็บเดทหาคู่บางแห่ง อาจไม่ปลอดภัยและทำให้ข้อมูลเรารั่วไหลได้ ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินได้
ในที่นี้บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ไม่ได้ขู่ให้ทุกท่านกลัวเกินเหตุแต่อย่างใด เพราะในต่างประเทศเองเคยมีเหตุการณ์แอปเดทหาคู่ออนไลน์ทำข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลที่เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2021 กับผู้ให้บริการ Online Dating หาคู่ออนไลน์ สำหรับกลุ่ม LGBTQ+ เจ้าใหญ่อย่าง Grindr ที่ถูกฟ้องร้องว่าบริษัทได้ฝ่าฝืนข้อบังคับทางกฎหมายของสหภาพยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) โดยมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกไปส่งต่อให้บุคคลที่ 3 จนถูกสั่งปรับเป็นเงินจำนวน 5.5 ล้านปอนด์ หรือกว่า 200 ล้านบาท ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมาก ๆ เพราะต่างชาติให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากนั่นเองค่ะ
และในปีเดียวกันแอปเดทหาคู่ออนไลน์จากประเทศญี่ปุ่นที่ชื่อว่ โอะมิไอ (Omiai) ก็ถูกโจมตีทางเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลสมาชิกรั่วไหลไปกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลที่ลึกไปถึงหมายเลขใบขับขี่ สร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้งานและบริษัทเป็นอย่างมาก
หรือใกล้ตัวเราเข้ามาอีกหน่อย กับกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นในปี 2023 นี้เอง เป็นกลเม็ดใหม่ของมิจฉาชีพหรือสแกมเมอร์ ก็คือการหลอกลวงให้ดาวน์โหลดแอปหาคู่ปลอม ด้วยการคลิกลิงก์เพื่อดาวน์โหลด พอกดสมัครเสร็จปุ๊บ เงินก็หายเกลี้ยงบัญชีทันตาเห็น ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศไทยของเรานี่เอง เรียกได้ว่าอันตรายในยุคดิจิทัลรุนแรงไม่ต่างจากอาชญากรรมตามท้องถนนเลยทีเดียว
มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะรู้แล้วว่า ความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวเรานั้นเป็นสิ่งที่บริษัทหรือผู้ให้บริการต้องรักษาและดูแล ไม่นำไปเผยแพร่ ขายต่อ หรือส่งต่อให้บุคคลที่ 3 โดยที่เราไม่ได้มีการอนุญาตยินยอม หรือแจ้งให้ทราบโดยละเอียดล่วงหน้าก่อน เพราะข้อมูลส่วนตัวของคนหนึ่งคนมีมูลค่ามหาศาล เป็น 1 ใน Big Data ที่มีการซื้อขายกันในราคาสูงมากเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้านั่นเอง
4 ข้อมูลสำคัญระวังรั่วไหลเมื่อใช้แอปหาคู่
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล วันเกิด รูปภาพ หรือเลขบัตรประชาชน เพราะคนไทยหลายคนยังขาดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว มองว่าได้ไปก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วบริษัท Bangkok Matching ขอบอกให้ทราบเลยว่าข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่าทางตลาดที่สูงลิ่ว เลวร้ายกว่านั้นคือถูกนำไปสวมรอยเพื่อแอบอ้างทำเรื่องผิดกฎหมายได้ด้วย
- ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เช่น สถานะความสัมพันธ์ รสนิยมทางเพศ ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในเรื่อง “รสนิยมทางเพศ” จัดเป็นชุดข้อมูลละเอียดอ่อนที่บางประเทศถึงขั้นจัดให้อยู่ในหมวดข้อมูลที่ห้ามส่งต่อหรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะข้อมูลเหล่านี้อาจย้อนกลับมาส่งผลเสียแก่ตัวผู้ใช้งานเองได้
- ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเงิน เช่น ประวัติการชำระเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต รหัส ATM หรือ PIN ต่าง ๆ ที่ใช้ชำระเงิน เป็นข้อมูลสำคัญที่ไม่ควรแจ้งให้ใครทราบโดยไม่จำเป็น เพราะง่ายต่อการสูญเสียเงินเกลี้ยงบัญชีอย่างที่เห็นปรากฎตามจอข่าว
- ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้ง เช่น การปักหมุดพิกัด GPS, การระบุลงรายละเอียดที่อยู่ชัดเจนเกินไปอันตรายต่อการถูกติดตามไปยังที่พัก การลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ถูกสตอล์คเกอร์ ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตได้
3 สาเหตุที่ทำให้ข้อมูลบนแอพเว็บหาคู่รั่วไหล เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
- เครือข่าย/เซิร์ฟเวอร์ถูกแฮ็ก: แอปหาคู่อาจถูกแฮกโดยผู้ไม่ประสงค์ดี ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ถูกขโมยไป เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีธนาคาร ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ก่ออาชญากรรมทางการเงิน ก่อกวนหรือคุกคามบุคคลนั้น ๆ
- การถูกหลอกล้วงข้อมูลด้วยโปรโมชั่นล่อใจ: เกิดขึ้นได้ในแอปหาคู่ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือขาดจรรยาบรรณบางแห่งอาจหลอกลวงผู้ใช้ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในระดับที่มากกว่าปกติเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่างที่ดูเหมือนกับว่าจะคุ้มค่า เช่น การลงทะเบียนหรือผูกบัญชีที่มีเงื่อนไขให้บริษัทเข้าถึงการใช้งานได้หรือขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลแบบละลาบละล้วง เพื่อรับสิทธิ์การเป็นสมาชิกแบบพรีเมียมในระยะเวลา 7 วัน เป็นต้น
- ความประมาทของผู้ใช้เอง: เกิดมาจากผู้ใช้อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปบนแอปหาคู่โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเมื่อพูดคุยกันมาได้สักพักอาจเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและเปิดเผยความเป็นส่วนตัวให้อีกฝ่ายได้ทราบจนมากเกินไปเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะให้ความจริงใจกลับมาเหมือนกัน นำไปสู่การถูกหลอกลวก หรือโจรกรรมข้อมูล
4 ข้ออันตรายที่เกิดขึ้นได้ เมื่อข้อมูลรั่วไหล
1 การถูกแอบอ้าง: ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกนำไปใช้ในการแอบอ้างตัวตนเพื่อหลอกลวงผู้อื่น เช่น หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน เป็นต้น ซึ่งเห็นได้บ่อยในข่าวยุคนี้ที่มักจะเกิดการนำข้อมูลของคนอื่นไปสวมรอย แล้วทำการ Scammer หลอกให้รักแล้วให้โอนเงิน สูญเงินกันหลักแสนหลักล้านก็มีให้เห็นอยู่ตลอด โดยเฉพาะคนที่มีรูปลักษณ์หน้าตาดี โปรไฟล์ฐานะดี มักถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลไปสวมรอย เปิดบัญชีโซเชียลปลอมเพื่อหลอกลวงคนอื่น เป็นต้น
2 การถูกหลอกลวง: ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกนำไปใช้เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินหรือมอบข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม อย่างที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดและเห็นภาพชัดก็คือ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่กำลังระบาดในไทยมาสักระยะ ที่แม้จะมีการเตือนภัย บอกต่อข้อควรระวัง แต่ทุกวันก็ยังมีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้น เพราะมิจฉาชีพหรือโจรไซเบอร์พวกนี้มีข้อมูลของเราในแบบที่เรียกว่าล้วงลึก ชวนให้หลงเชื่อ ทำให้กลัวและหลอกโอนเงินจนหมดตัว
3 การล่วงละเมิดทางเพศหรือการข่มขู่: ข้อมูลส่วนบุคคลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้เพื่อล่วงละเมิดทางเพศหรือข่มขู่ เช่น การขู่เผยแพร่รูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสม การติดตามตำแหน่งที่ตั้งเพื่อแอบสะกดรอยตาม หรือการส่งข้อความคุกคาม
4 ผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวและการทำงาน: ข้อมูลส่วนตัวที่หลุดไปอาจเป็นสิ่งที่ถูกนำไปใช้เพื่อทำลายชื่อเสียงหรือทำให้เสียโอกาสในการทำงานได้ เช่น การส่งภาพหรือข้อมูลส่วนตัวเข้าที่ทำงาน การสร้างข่าวปลอมเพื่อให้เสียโอกาสต่าง ๆ ในชีวิต
ดังนั้นด้วยความปรารถนาดี บริษัทจัดหาคู่เดท ระดับพรีเมียม Bangkok Matching ก็ขอแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการหาคู่ผ่านแอปเดทและเว็บเดทหาคู่ ว่าควรเลือกใช้บริการจากบริษัทที่เชื่อถือได้ มีนโยบายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เข้มงวด และระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
บริษัทจัดหาคู่ปลอดภัยกว่าแอปหาคู่หรือไม่ ?
บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ให้ข้อสรุปได้จากการวิเคราะห์ตามความเป็นจริงในยุคปัจจุบันนี้ ว่าด้วยความที่บริการจัดหาคู่โดยบริษัทนั้นไม่ได้เป็นตัวเลือกที่แมส เท่ากับการใช้บริการแอปหาคู่ แต่กลับกลายเป็นว่าข้อเสียเปรียบด้านจำนวนคนใช้งานนั้น กลับทำให้บริษัทจัดหาคู่ทำหน้าที่ในด้านของการดูแลข้อมูลลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ตรวจสอบได้ถี่ถ้วน และสกรีนประวัติสมาชิกทุกคนได้ และมีระบบการจัดเก็บที่เข้มงวดไม่หละหลวม
เราจึงมีความมั่นใจว่าบริษัทจัดหาคู่มีความปลอดภัยด้านข้อมูลมากกว่าแอปหาคู่ในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- ดูแลลูกค้าในจำนวนที่เหมาะสม จึงทำให้ดูแล เข้าถึง และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้อย่างถี่ถ้วน เป็นระบบมากกว่าแอปหาคู่ที่มีผู้ใช้หลักแสนจนถึงหลักหลายล้าน การจัดเก็บ data ที่มีจำนวนมหาศาลนั้นจึงมีความเสี่ยงในการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ถูกเข้าถึงได้ง่ายกว่าจากบรรดาแฮ็กเกอร์ทั้งหลายรอบโลก
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทหาคู่จัดเก็บน้อยกว่าแอปหาคู่ที่ต้องการข้อมูลส่วนบุคคลหลายด้านเพื่อเหตุผลทางการตลาดหรืออื่น ๆ โดยบริษัทจัดหาคู่มักจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลน้อยกว่าแอปหาคู่ เช่น ไม่เก็บข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง หรือบังคับให้ต้องบอกสถานที่อยู่อาศัยกับคู่เดท เหมือนในแอปที่มีสเตตัสขึ้นแจ้งให้ทุกคนรู้ แม้จะไม่ได้เป็นคนที่ศึกษาดูใจ เป็นต้น
- กระบวนการตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ที่เข้มงวดกว่า บริษัทจัดหาคู่มักมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ที่เข้มงวดกว่าแอปหาคู่ หากเป็นบริษัท Bangkok Matching เราตรวจสอบตั้งแต่รูปลักษณ์ โปรไฟล์ที่ส่งมาตัวจริงต้องตรงปก ทดสอบด้วยการส่งคลิปวิดีโอและสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว Bangkok Matching ตรวจสอบการงาน การเงิน การศึกษา พื้นฐานครอบครัว สุขภาพกาย ใจ และสามารถตรวจสอบได้ลึกถึงประวัติอาชญากรรมด้วย มั่นใจได้ว่ากว่าที่จะผ่านขั้นตอนนี้ได้ จะต้องมีความ Real และเหมาะสมกับคู่ที่จะแมทช์ด้วยอย่างเต็มที่
- มาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมกว่า ในด้านนี้บริษัทจัดหาคู่มักมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมกว่าแอปหาคู่ เช่น การเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคล มีมาตรการยืนยันตัวตนที่มีความซับซ้อนมากกว่าการกดเลขรหัสไม่กี่หลักก็เข้าสู่หน้าแอปหาคู่ ที่ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวได้หมดอย่างในแอปพลิเคชันเดทหาคู่ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นแอปเดทหรือเว็บเดทหาคู่บางเจ้าแทบไม่ต้องใส่รหัส แค่ผูกบัญชีโซเชียลไว้ก็เข้าทะลุทะลวงได้หมดเรียกได้ว่าเป็นช่องโหว่ที่อันตรายแต่แลกมากับความรู้สึกสะดวกสบายของผู้ใช้ซึ่งบริษัทจัดหาคู่เดทออนไลน์ Bangkok Matching มองว่าเป็นการแลกที่ไม่คุ้มเสี่ยงเลยจริง ๆ ค่ะ
ดังนั้นในบทส่งท้ายเราก็สามารถสรุปได้ว่า การหาคู่ผ่านแอปเดทและเว็บเดทหาคู่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วเหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ไม่มี Budget สำหรับการใช้บริการจัดหาคู่ แต่ข้อเสียที่ควรให้ความสำคัญนอกจากถูกหลอกลวง เจอคู่เดทไม่จริงใจ และอื่น ๆ แล้ว ก็ต้องระมัดระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการใช้งานด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีใครเข้ามารับผิดชอบให้ได้ หรือถึงรับผิดชอบก็ไม่มากเท่ากับที่สูญเสียไป
เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนที่มองถึงความคุ้มค่าและความปลอดภัยในด้านข้อมูลส่วนบุคคล อยากเดทอย่างมั่นใจว่าข้อมูลต่าง ๆ ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม หรือไม่อยากเสี่ยงกับการดูแลความปลอดภัยจากผู้ให้บริการแอปเดทหาคู่ว่ามีความมั่นคงเชื่อถือได้แค่ไหน เพราะขนาดแอปหาคู่เบอร์ใหญ่ต้น ๆ ของโลกเองก็เคยพลาดโดนเจาะข้อมูลมาแล้ว การเลือกใช้บริการบริษัทจัดหาคู่ก็เป็นตัวเลือกการลงทุนในด้านความสัมพันธ์ที่ดูแล้วจะคุ้มค่ามากกว่า ให้บริษัทจัดหาคู่เดทระดับพรีเมียมอย่าง Bangkok Matching เป็นประตูด่านหน้าในการคัดกรองและเป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลให้กับคุณ นอกจากได้คู่เดทที่ตรงใจยังมาพร้อมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วย
อ้างอิงข้อมูล
- https://forbesthailand.com/world/technology/grindr-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-5-5-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94
2.https://mgronline.com/crime/detail/9660000005478 - https://www.thairath.co.th/news/foreign/2099840
บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ชี้อยู่ก่อนแต่งช่วยลดหย่า
https://www.prachachat.net/public-relations/news-1439367
ผลวิจัยชี้ แอพหาคู่ทำคนนอกใจเพิ่มขึ้น: แถมคนไทยยังนอกใจติดอันดับ 4 ของโลก
https://brandinside.asia/unfaithful-world-ranking-in-2023/
งานวิจัยไขความลับ เดทออนไลน์อย่างไรให้เจอรัก? BBC Thai คุยกับ กุลชุลี ทรัพย์สินอุดม ไนแลนเดอร์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัทจัดหาคู่ แบงคอก แมทชิ่ง ไม่เห็นด้วยกับนักวิจัยในสหรัฐฯ ที่บอกว่า “ควรตั้งเป้าหมายให้สูง/ให้ไกล”
https://www.bbc.com/thai/international-45124922